เมื่อเฟดปรับดอกเบี้ยสูงขึ้น อาจส่งผลต่อการลงทุนของเรา (บางส่วน) อย่างไร?

01 พฤศจิกายน 2562
อ่าน 5 นาที



ตลอดปี 2560 นักลงทุนทั่วโลกต่างต้องให้ความสนใจกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เป็นมาตรฐานเพื่อการเปรียบเทียบ และชี้นำทิศทางดอกเบี้ยในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปทั่วโลก เพื่อปรับสมดุลของผลตอบแทนและความเสี่ยงของตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ วันนี้ผมจะชวนคุยถึงเหตุการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดปรับตัวสูงขึ้น หรือ Yield Shift ว่าจะส่งผลต่อผลตอบแทนของทรัพย์สินทางการเงินอย่างไรบ้างครับ

 กรณีเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น มีความหมายว่าต้นทุนทางการเงินในการดำเนินธุรกิจทั้งของผู้ประกอบการหรือนักลงทุนจะสูงขึ้น รวมถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งที่เราจะเห็นโดยเร็วเมื่อเฟดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย คือ ผู้ลงทุนอาจโยกเงินลงทุนจากตลาดเกิดใหม่ในหลายๆ ประเทศ (อาทิ บราซิล อินเดีย และจีน รวมถึงตลาดทุนไทยด้วย) แล้วนำกลับไปลงทุนในสหรัฐ การโยกเม็ดเงินลงทุนนี้จะส่งผลกระทบทั้งตลาดตราสารหนี้และตราสารทุน
 สำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างชัดเจน คือ ตราสารหนี้ระยะยาวที่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้อย่างแน่นอน ไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามอัตราดอกเบี้ยตลาดที่ปรับขึ้นได้ ทำให้มูลค่าตลาดของตราสารหนี้ระยะยาวลดลง นักลงทุนจะหันไปให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ระยะสั้นถึงระยะกลางที่ออกมาใหม่ในช่วงนี้มากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าผลตอบแทนจะสูงขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 นอกจากนี้ หากตราสารทางการเงินใดที่มีลักษณะคล้ายกับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว มีการกำหนดผลตอบแทนที่จะได้รับไว้ค่อนข้างแน่นอน หรือมีความผันผวนต่ำในเรื่องของรายได้ ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน ยกตัวอย่างการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือรีท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่ส่วนใหญ่จะหาผลประโยชน์ด้วยการปล่อยเช่าทรัพย์สินหรือทำข้อตกลงระยะยาว หากกองทุนไหนมีรูปแบบการกำหนดค่าเช่าหรือทำสัญญาแบ่งรายได้ที่ระบุผลตอบแทนในแต่ละปีไว้อย่างแน่นอน ก็จะได้รับผล กระทบมากกว่ากองทุนที่สามารถทยอยปรับค่าเช่าหรือได้รับผลตอบแทนตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินและนักลงทุนคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นระยะๆ ตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมาว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2560 เฟดได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.75-1.00 ซึ่งปกติแล้วตลาดจะทยอยรับรู้ต่อการคาดการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนที่เหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้น จึงทำให้ราคาของสินทรัพย์ในวันที่มีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงรุนแรง เนื่องจากปัจจัยได้ถูกสะท้อนในราคาไปบ้าง ก่อนหน้าที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

 สำหรับนักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาว และตัดสินใจที่จะถือตราสารหนี้ หรือหน่วยลงทุนไปจนตลอดอายุของตราสารหรือโครงการ โดยพอใจกับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่ได้รับ และไม่ได้หวังผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาตลาด ก็อาจไม่ต้องกังวลกับการขึ้นลงของราคาตลาดมากนัก และอาจถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนเพิ่ม หากราคาตลาดของตราสารต่างๆ ลดลงมาในระดับที่น่าสนใจ แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะสั้น อาจต้องคอยติดตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการไหลออกของเงินลงทุนจากตลาดทุนไทยอย่างใกล้ชิด และหมั่นทบทวนแนวทางการลงทุนของตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลง


อ่านเพิ่มเติม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง