ทำความรู้จัก IC / IP และนักวิเคราะห์การลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

07 พฤศจิกายน 2568
อ่าน 4 นาที

​​


ชวนมาทำความรู้จักผู้ช่วยสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นคนกลางในการให้คำแนะนำการลงทุน 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant : IC) ผู้วางแผนการลงทุน (Investment Planner : IP) และนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analyst : IA) 
 
IC คือใคร?  มีคุณสมบัติอย่างไร? ต่างกับ IP อย่างไร?

IC ย่อมาจาก Investment Consultant หมายถึง ผู้แนะนำการลงทุน มีหน้าที่ให้คำแนะนำซื้อ/ขาย รายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยไม่มีการวางแผนหรือวิเคราะห์การลงทุนประกอบคำแนะนำ
มี 2 ประเภท คือ IC Plain และ IC Complex โดยการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ใดได้นั้นขึ้นกับประเภทของ IC

IP ย่อมาจาก Investment Planner หมายถึง ผู้วางแผนการลงทุน มีหน้าที่ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนได้ทุกประเภท และสามารถจัดทำแผนการลงทุนที่ครอบคลุม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดย IP มีขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ได้มากกว่า IC ในด้านการวางแผนการลงทุน 

แล้ว IC / IP สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ใดได้บ้าง? อ่านเพิ่มเติมใน infographic นี้เลย



------------------------------------------

กว่าจะมาเป็น IC / IP ต้องผ่านมาตรฐานและกฎเกณฑ์ ดังนี้
  • IC Plain - สอบผ่านความรู้พื้นฐานด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ซับซ้อน และกฎระเบียบจรรยาบรรณ
  • IC Complex 3 - สอบผ่านความรู้ IC Plain + ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  • IC Complex 2 - สอบผ่านความรู้ IC Plain + ความรู้ตราสารหนี้และกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีความซับซ้อน
  • IC Complex 1 - สอบผ่านความรู้ IC Plain + IC Complex 2 + IC Complex 3
  • IP - สอบผ่านความรู้ IC Complex 1​ + สอบผ่านหลักสูตรนักวางแผนการเงิน (CFP) ในวิชาพื้นฐานการวางแผนการเงิน ภาษี จรรยาบรรณ และการวางแผนการลงทุน จึงจะขึ้นทะเบียนได้ 


------------------------------------------

7 Tips ในการติดต่อ IC / IP
  1. ตรวจสอบใบอนุญาตและบริษัทต้นสังกัด
  2. กำหนดความต้องการและขอบเขตการลงทุน
  3. รับทราบความเสี่ยงการลงทุนที่ยอมรับได้
  4. พิจารณาเหตุผลและคุณภาพคำแนะนำที่ได้รับ
  5. สอบถามค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน
  6. ติดตามและตรวจสอบผลการลงทุน
  7. สอบถามวิธีการชำระเงินและช่องทางติดต่อหรือร้องเรียนกรณีเกิดปัญหา


------------------------------------------

นักวิเคราะห์การลงทุน หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า Analyst มีหน้าที่วิเคราะห์ตั้งแต่สภาวะตลาดทุนโดยรวม จนถึงผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน โดยมี 2 ประเภทหลัก คือ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และนักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เพื่อประกอบการให้คำแนะนำการลงทุน ซึ่งต้องผ่านกฎเกณฑ์ตามที่กำหนด ทั้งการสอบผ่านคุณสมบัติของบุคคลที่ขอความเห็นชอบ และมีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับทดสอบผ่านหลักสูตรที่กำหนด



------------------------------------------

7 Tips ในการอ่านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ 
  1. เข้าใจก่อนว่า "บทวิเคราะห์ไม่ใช่คำแนะนำเฉพาะตัว"
  2. พิจารณา "แหล่งที่มา" และ "ความน่าเชื่อถือ"
  3. ใช้ข้อมูลบทวิเคราะห์จากหลายแหล่ง
  4. อ่าน "ความเสี่ยง" และ "ข้อจำกัด" ที่บทวิเคราะห์ระบุไว้เสมอ
  5. ใช้คบคู่กับการวิเคราะห์ของตนเอง
  6. ทำความเข้าใจ "สมมติฐาน" และข้อมูลที่ใช้ในบทวิเคราะห์
  7. ระวังการ "ซื้อขายตามกระแส" จากบทวิเคราะห์ที่ถูกแชร์ในโซเชียล