
ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การฝากเงินเพียงอย่างเดียวไม่ตอบโจทย์เป้าหมายการเงินของใครหลายคน แต่จะเริ่มต้นลงทุนก็มองว่า ตลาดทุนเป็นที่ของคนรวยที่มีเงินเป็นหลักหมื่นหลักแสนบาทหรือไม่ ที่จริงแล้วทุกคนสามารถเริ่มลงทุนได้ ด้วยเงินเพียง 100 บาท โดยหนึ่งทางเลือกการลงทุนด้วยเงินลงทุนน้อย คือ “กองทุนรวม” ซึ่งเป็นการนำเงินจากผู้ลงทุนหลาย ๆ คน มารวมกันและมอบหมายให้มืออาชีพหรือผู้จัดการกองทุนรวมบริหารเงิน ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.
สิ่งที่ต้องตระหนักสำหรับการลงทุนประเภทนี้ คือ กองทุนรวมมีหลายประเภทมากและมีระดับความเสี่ยงต่ำไปจนถึงสูง ดังนั้น ก่อนซื้อกองทุนรวมก็ต้องมีเช็คลิสต์อย่างน้อย 3 รู้ คือ
1. รู้เป้าหมาย - ออมเงินหรือลงทุนเพื่ออะไร เช่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน เกษียณ เพราะการรู้เป้าหมาย
ทำให้สามารถการลงทุนที่ตรงกับโจทย์ของชีวิตได้ดีขึ้น
2. รู้ความเสี่ยง – ดูว่าตัวเองยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ด้วยการทำแบบประเมิน
ความเหมาะสมในการลงทุน (suitability test) เป็นการประเมินความอดทนรับการขาดทุนได้ที่เท่าใด
เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้น นำไปสู่การเลือกนโยบายของกองทุนรวมที่ตรงกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3. รู้จักของที่จะลงทุน – กองทุนที่เลือกลงทุนนำเงินของเราไปลงทุนอะไร จ่ายเงินปันผลระหว่างการลงทุนหรือไม่ ดูได้จากหนังสือชี้ชวน
ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 มีกองทุนรวมที่ขายให้คนทั่วไป 1,345 กอง ในจำนวนนี้ มี 584 กอง ที่มีเงิน 100 บาทก็ลงทุนได้ และบางกองไม่มีขั้นต่ำในการลงทุนอีกด้วย ซึ่งสะท้อนว่า ใคร ๆ ก็เข้าถึงการลงทุนได้ โดยช่องทางการซื้อกองทุนรวม มีหลากหลายทั้ง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร บลจ. และบริษัทหลักทรัพย์ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งการซื้อก็สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์ และไปซื้อกับผู้แนะนำการลงทุน
สำหรับผู้ที่มีคำถามในใจว่า เงินน้อยหรือเงินร้อย จะพาไปสู่เป้าหมายการเงินได้อย่างไร คุณปริยบอกเคล็ดลับ 2 ข้อ ที่เงินร้อยจะเพิ่มพูนได้ นั่นคือ เริ่มให้เร็วและทำให้ต่อเนื่อง 1. เริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบจากการที่เงินทำงาน เช่น ผู้ที่อายุ 25 ปี เริ่มทำงาน แม้ว่ารายได้ช่วงแรกน้อยและมีค่าใช้จ่ายมากมาย แต่หากแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนกองทุนรวมเชื่อว่าผลลัพธ์ในระยะยาวไม่ทำให้ผิดหวัง 2. สร้างวินัยในการลงทุน ลงทุนต่อเนื่องโดยสามารถตั้งอัตโนมัติตัดบัญชีไปลงทุนในกองทุนรวมทุกเดือน ซึ่งมีผู้ให้บริการหลายรายที่ให้บริการหักบัญชี ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการ "เก็บก่อนใช้" และช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average : DCA) ที่ทำให้ต้นทุนไม่ถูกหรือไม่แพงเกินไป
“จะลงทุนผลิตภัณฑ์อะไรก็ต้องศึกษาให้ดี เหมือนกับการซื้อยาเรายังต้องดูฉลากยา ว่าแก้อะไร
มีคำเตือนอะไรบ้าง กองทุนรวมก็มีหนังสือชี้ชวนที่บอกรายละเอียดและความเสี่ยงให้ผู้ลงทุนทราบเช่นกัน” นายปริยกล่าว
เมื่อผู้ลงทุน ตัดสินใจจะลงทุนแล้ว 4 เรื่องที่ผู้ลงทุนควรถามผู้แนะนำการลงทุน คือ
• ผู้แนะนำการลงทุนมีใบอนุญาตหรือไม่ กองทุนรวมที่แนะนำจดทะเบียนกับ ก.ล.ต. หรือไม่
• กองทุนรวมเป็นกองทุนรวมประเภทใด ลงทุนในตราสารใด ความเสี่ยง ค่าธรรมเนียม เป็นอย่างไร
• หลักฐานที่จะได้รับ เพื่อยืนยันการซื้อขายกองทุนรวมสำเร็จ มีอะไรบ้าง
• เมื่อมีปัญหาติดต่อใคร กรณีใดติดต่อ บลจ. หรือติดต่อ ก.ล.ต.
ส่วน 4 วิธีสังเกตผู้แนะนำการลงทุนที่ดี คือ
• ทำความรู้จักคนซื้อ ทั้งเป้าหมาย ความเสี่ยงที่รับได้ ข้อจำกัดในการลงทุน
• แจ้งข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม เช่น ความเสี่ยง และค่าธรรมเนียม ให้ผู้ลงทุนได้ชัดเจน
• อธิบายให้เข้าใจก่อนซื้อหรือเซ็นเอกสาร ไม่เร่งรัดการตัดสินใจ
• ไม่การันตีผลตอบแทน เงินต้น และปันผล
การลงทุนที่พาไปถึงจุดหมายมีหลากหลายก็ควรกระจายการลงทุน ไม่ควรเก็บไข่ไว้ในตะกร้าเดียว
เมื่อลงทุนแล้วก็ต้องติดตามว่าไปตามเป้าหมายดีหรือไม่ ที่สำคัญ กองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงินแม้จะซื้อที่ธนาคารได้ก็ตาม กองทุนรวมมีความเสี่ยงเหมือนการลงทุนทั่วไป หากจัดสำรับดีก็สามารถพาเราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
ผู้สนใจลงทุนในกองทุนรวมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ www.smarttoinvest.com ที่มีโปรแกรมเปรียบเทียบกองทุนรวมด้วย และสามารถตรวจสอบว่าบริษัท ผลิตภัณฑ์ และผู้แนะนำได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือไม่ ด้วยแอปพลิเคชั่น SEC Check First ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android
_____________________________
อ้างอิงจากเนื้อหาในรายการ "รู้เงิน รู้ลงทุน" ตอนที่ 2 หัวข้อ มีเงิน 100 ลงทุนได้ไหม ถ่ายทอดสดผ่านเพจ
เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 63 โดยนายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผอ. ฝ่ายกำกับการขายผลิตภัณฑ์การลงทุน สำนักงาน ก.ล.ต.