“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” เรื่องที่ลูกจ้างต้องรู้

07 พฤษภาคม 2564
อ่าน 4 นาที
​​


“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสวัสดิการของหลายๆ บริษัท และเป็นเรื่องที่ลูกจ้างต้องรู้ ไม่ว่าจะกำลังทำงานอยู่ หรือว่างงานก็ตาม เพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้

ข่าวดี! เลื่อนส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ก่อนอื่นขอพูดถึงข่าวดี เพราะกระทรวงการคลังได้ประกาศนโยบายช่วยเหลือลูกจ้างและผู้ประกอบการ ให้สามารถ “หยุดหรือเลื่อน” การนำส่งเงินเข้ากองทุนได้ชั่วคราว ตั้งแต่งวดนำส่งของเดือนมกราคม – มิถุนายน 2564 แต่ยังนับอายุสมาชิกกองทุนต่อเนื่อง และคงสมาชิกภาพไว้ อย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง

ถ้าถูกเลิกจ้าง มีทางเลือกจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไรได้บ้าง?

1. ถอนเงินออกจากกองทุน
   -  สามารถถอนออกมาจากกองทุนทั้งหมดได้ แต่ผลประโยชน์เงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์เงินสมทบ จะต้องถูกหักภาษี และจะเป็นการหยุดแผนการออมเพื่อเกษียณ จึงไม่ค่อยแนะนำทางเลือกนี้เท่าไร ยกเว้นว่าจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ

2. ขอคงเงินไว้ที่กองทุนเดิมก่อน
​   - ถ้ายังไม่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน ก็แนะนำให้เก็บไว้กับกองทุนเดิมก่อน เพื่อให้เงินก้อนนี้ทำหน้าที่สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โดยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปีละ 500 บาท อย่างไรก็ตามหากเป็นกรณีที่บริษัทปิดกิจการจะไม่สามารถคงเงินได้

3. ย้ายไปกองทุน RMF for PVD
   - สามารถเลือกโอนเงินไปลงทุนต่อในกองทุน RMF for PVD ของ บลจ. ที่มีให้บริการกองทุนประเภทนี้ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนหลากหลายและเราเลือกได้ตามความต้องการและเป้าหมายการลงทุน โดยจะนับอายุการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อเนื่อง และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเดิม

4. ย้ายไปกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่
   - หากบริษัทที่เราได้งานใหม่นั้นมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ ก็สามารถโอนย้ายเงินในกองทุนเดิมของเราจากที่ทำงานเก่าเข้าไปได้เลย



ทั้งหมดนี้เป็นเรื่อง “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ที่ลูกจ้างต้องรู้ เรียกว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือวางแผนเกษียณที่ดีที่สุด เพราะนอกจากบริษัทจะมอบให้เป็นสวัสดิการแล้ว ทางภาครัฐก็ยังส่งเสริมด้วยเช่นกัน ส่วนเราจะเลือกวิธีบริหารจัดการแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่จะได้รับ และความจำเป็นในชีวิตของแต่ละคนนั่นเอง


​​