
กระแสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนรุ่นใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยอาจพิจารณาได้จากจำนวนบัญชีของผู้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ซึ่งพบว่า ตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 เติบโตมากกว่า 10 เท่า จากปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนบัญชี เป็น 2.5 ล้านบัญชี
เพื่อให้เข้าใจมุมมองผู้ซื้อขายมากขึ้น ฝ่ายวิจัย ก.ล.ต. จึงได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในการสำรวจและเก็บข้อมูล*ผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ทราบถึงลักษณะ ทัศนคติ ประสบการณ์ รวมไปถึงพฤติกรรมในการลงทุนของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเก็บข้อมูลใน 3 วิธี และได้ผลลัพธ์ ดังนี้
วิธีแรก การเก็บข้อมูลบนช่องทาง social media ซึ่งทางผู้วิจัยได้เลือกช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลระหว่างเดือนเมษายน – กันยายน 2564 เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยสามารถเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้กว่า 3 แสนความคิดเห็น โดยพบว่า...
- Twitter เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการพูดถึงสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุด อยู่ที่ประมาณ 47% รองลงมาเป็น Facebook ที่ 33%
ด้านเป้าหมายในการลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงแรงจูงใจที่ทำให้คนไทยหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น พบว่า
- 46% มองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงจึงเลือกเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น
- 33% มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว
- 11% เห็นว่าเป็นแหล่งออมเงิน
- 10% มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำเงินได้ง่ายกว่างานประจำที่ทำอยู่
ด้านหลักเกณฑ์การตัดสินใจลงทุน พบว่า
- 41% ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (technical analysis) เช่น การวิเคราะห์กราฟ
- 26% ลงทุนโดยการติดตามข่าวสารจากช่องทางต่าง ๆ
- 25% ลงทุนโดยอาศัยสัญชาตญาณ
วิธีที่สอง Search Data เป็นการสำรวจจากคำที่ใช้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้อ้างอิงนั้นมาจากแพลตฟอร์ม search engine ของ google โดยคำค้นหาตัวอย่างที่นำมาแสดงในการศึกษานี้เป็นการเก็บข้อมูลย้อนหลัง 4 ปี เพื่อให้เห็นภาพรวมการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีคีย์เวิร์ดหลัก 2 คำ คือ "คริปโต" และ "บิทคอยน์"
- ระดับความสนใจในการค้นหาคำว่า "คริปโต" หรือ "คริปโตเคอร์เรนซี" เพิ่มขึ้นสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของ “บิทคอยน์” หรือ “BTC” ขึ้นไปแตะที่หลัก 1 ล้านบาท
- การค้นหาคำว่า คริปโท เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของ BTC ขึ้นไปถึง 2 ล้านบาท
จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าความสนใจหรือกระแสของสินทรัพย์ดิจิทัล มีความสอดคล้องกับแนวโน้มความสนใจ “บิทคอยน์” หรือ “BTC”
วิธีที่สาม Community Survey โดยการสุ่มตั้งประเด็นคำถามความเห็นที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ทางช่องทาง social media ต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, Clubhouse เป็นต้น พร้อมสุ่มสัมภาษณ์ผู้ลงทุนในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ที่เลือกลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยมีประสบการณ์จากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นมาก่อนแล้ว กลุ่มผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว และกลุ่มที่ไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สรุปได้ว่า
- หลายคนไม่แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหากไม่สามารถรับความเสี่ยงหรือความผันผวนได้ ควรจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ตนเองมีความเข้าใจมากกว่า แต่อาจซื้อเก็บไว้บางส่วนเพื่อใช้ในการเก็งกำไร
- หากอยากลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลต้องมีความเชื่อและศรัทธาว่าจะสามารถเปลี่ยนระบบการเงินของโลกได้
- ความคิดเห็นด้านบวก มองว่า สินทรัพย์ดิจิทัลให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นจึงมีแนวโน้มเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอนาคต
- ความคิดเห็นด้านลบ มองว่า เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนราคาในตัวสินทรัพย์ ดังนั้นการเข้าไปลงทุนจึงเหมือนการโยนหัวก้อยที่ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้
จากการเก็บข้อมูลทั้ง 3 วิธี สรุปความคิดเห็นและทัศนคติของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัลได้ว่า
- การฝากเงินกับธนาคารก็อาจไม่ปลอดภัยเสมอไป เพราะยังมีข่าวเงินฝาก ในบัญชีสูญหาย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการฝากเงินใน Decentralized Finance (DeFi)
- ภาพรวมผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีความรู้ในสินทรัพย์ดิจิทัลมากนัก จึงมักลงทุนตามคำแนะนำของเพื่อน influencer Youtuber หรือกูรูที่เป็นคนดัง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
- เริ่มแรกคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนเพราะหวังว่าจะเป็น passive income แต่พอเห็นว่ากำไรดี ได้เงินง่ายจึงเริ่มลงทุนมากขึ้น แม้รู้ว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนไปนั้นมีความเสี่ยงสูง
- Generation ของช่วงอายุคนมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนด้วยเช่นกัน คนรุ่นเก่าจะไม่ค่อยสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลเพราะมองว่าความเสี่ยงสูง ไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ ในทางกลับกัน คนรุ่นใหม่ตั้งแต่รุ่น Gen Y เป็นต้นมา กล้าที่จะลงทุนมากกว่า
- ศูนย์ซื้อขายฯ มีส่วนที่เปลี่ยนมุมมองต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของคนไทย ศูนย์ซื้อขายที่ได้รับความนิยมสูงมักเป็นทำการตลาดสูง เข้าถึงได้ง่าย โดยผู้ลงทุนหน้าใหม่บางส่วนเลือกใช้บริการศูนย์ซื้อขายต่างประเทศเพราะมีฟังก์ชันการซื้อขายให้เลือกมากกว่า
- ปัจจัยที่ทำให้การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา คือ การได้ความยอมรับในวงกว้าง (mass adaptation) ของ BTC รวมไปถึงแนวโน้มของราคา BTC ที่เพิ่มขึ้น
- แม้ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยจะเติบโตอย่างมาก แต่จากข้อมูลพบว่า ภาพรวมคนไทยส่วนใหญ่ยังสนใจในหุ้นเป็นหลัก

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มมือใหม่ เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ติดตามกราฟของราคารายวัน พยายามหาจังหวะเพื่อเข้าซื้อหรือขายอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังมีการควบคุมพอร์ตของตัวเองเพื่อกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอ
- กลุ่มสายซิ่ง เป็นกลุ่มที่ไม่อยากศึกษาหาความรู้ เลือกที่จะลงทุนตามคำแนะนำจากคนรอบข้าง หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยมีลักษณะการลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย ไม่ค่อยประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และมีความคิดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นสามารถทำกำไรได้ง่าย
- กลุ่มย้ายพอร์ต เป็นกลุ่มที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนและเข้าใจถึงความผันผวนและความเสี่ยง ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น และเริ่มมีการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยไปลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น
ลักษณะที่พบร่วมกันใน 3 กลุ่มนี้ คือ ขาดการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว หรือมีสัดส่วนการลงทุนที่มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารพอร์ตอย่างเหมาะสม มีการกระจายความเสี่ยง
โดยภาพรวมการสำรวจ เห็นได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มีเป้าหมายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น รวมถึงมีการลงทุนตามกระแสหรือตามผู้อื่น ไม่ได้วิเคราะห์ด้วยตนเอง ขาดการกระจายการลงทุน และให้ความสนใจกับตัวเลขผลตอบแทนที่สูงเป็นหลัก
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าว ก.ล.ต. ได้นำมาปรับใช้ในการให้ความรู้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เผยแพร่คลิปความรู้
“คริปโท 101” รายงานสรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ รวมทั้งการออกข่าวเตือนและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ข้อควรระวังเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมและเพียงพอยิ่งขึ้นของผู้ลงทุนต่อไป
_____________________________
หมายเหตุ :
* ใช้การสำรวจและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ด้วยวิธี Social Intelligence Analytics (SIA) ซึ่งเป็นวิธีที่ทันสมัยและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สามารถเก็บข้อมูลในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว
อ้างอิงจากบทความ "ผลสำรวจความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลของประชาชนชาวไทย พบ 46% มุ่งเก็งกำไร" โดยนายพงศธร ปริญญาวุฒิชัย ฝ่ายวิจัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสำนักงาน ก.ล.ต.