กองทุนรวม FIF มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายและซับซ้อน ผู้ลงทุนยิ่งต้องทำความเข้าใจกับลักษณะของกองทุนให้มาก ทั้งในเรื่องของรูปแบบ สินค้าที่กองทุนเข้าไปลงทุน ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ และความเสี่ยงต่างๆ ที่จะมากระทบต่อผลตอบแทนและมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV)
นโยบายการลงทุนที่ผู้ลงทุนต้องใส่ใจมากๆ คือการไปลงทุนในสินค้าทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ที่ผู้ลงทุนไม่คุ้นเคย เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (structured notes) ที่จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปรต่างๆ เช่น ราคาทองคำ ราคาน้ำมันดิบ ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีราคาหลักทรัพย์ เป็นต้น เนื่องจากการลงทุนในสินค้าทางการเงินเหล่านี้ แม้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความผันผวนค่อนข้างมากเช่นกัน เพราะมีปัจจัยหลายประการนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานทั่วๆไปเข้ามากระทบกับตัวแปรอ้างอิงดังกล่าวได้
กองทุนรวม FIF หรือ กองทุนรวมในต่างประเทศที่ กองทุนรวม FIF เข้าไปลงทุน มีการลงทุนในสินค้าทางการเงินตัวใดหรือประเภทใด กระจุกตัวหรือไม่ มากน้อยเพียงใด เพราะหากเป็นเช่นนั้น โอกาสที่กองทุนรวมนั้นจะมีความเสี่ยงต่อปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่จะมากระทบก็จะสูงกว่ากองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่กระจายไปในสินค้าหลายๆ ตัว แต่เราก็สามารถลงทุนได้ เพียงแต่ต้องกระจายการลงทุนไปยังสินค้าทางการเงินประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์หุ้น ตราสารหนี้ เป็นต้น เพื่อให้พอร์ตการลงทุนทั้งหมดของเรามีการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับกองทุนรวม FIF ผู้ลงทุนจึงต้องพิจารณาถึงนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (hedging) เช่น หากเป็นกองทุนรวม FIF ที่ไม่มีการทำ hedging หรือ hedging ไว้แค่บางส่วนก็จะมีความเสี่ยงสูงมากกว่ากองทุนรวม FIF ที่ทำ hedging ไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้กำหนดให้กอง FIF ต้องเปิดเผยความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนในหนังสือชี้ชวน
ศึกษาข้อมูลกองทุนรวม FIF ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจได้จากหนังสือชี้ชวน และหากเป็นไปได้ อาจดูข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมในต่างประเทศ (โดย บลจ. ไทยจะบอกแหล่งข้อมูลในต่างประเทศไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย) และติดตามราคา NAV ของกองทุนรวม FIF ที่ประกาศในหนังสือพิมพ์หรือบนเว็บไซต์ของ บลจ. นั้นๆ ได้